หลาย ๆ ครอบครัวคงไม่รู้จักหรือว่าคุ้นเคยกับภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ แต่ว่าสำหรับครอบครัวศรีหาตานั้น รู้จักกับภาวะนี้เป็นอย่างดี เพราะคุณพ่อของน้องคะน้าก็มีภาวะนี้ นางสาวกนกนารี ศรีหาตา ชื่อเล่นน้องคะน้า เกิดมาพร้อมกับภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ ตอนที่น้องคะน้าเกิดนั้นครอบครัวก็ไม่ได้รู้สึกตกใจมากนัก และคุณพ่อคุณแม่ทราบดีว่าน้องก็มีโอกาสที่จะเป็นภาวะนี้ได้
คุณแม่ของน้องคะน้าได้เล่าว่า ทั้งคุณพ่อและคุณแม่ได้พูดคุยและเตรียมตัวก่อนที่จะตัดสินใจมีลูกว่า ถ้าน้องเกิดมาพร้อมกับภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ ก็พร้อมที่จะดูแล และพาลูกน้อยไปรักษาอย่างเต็มที่ คุณพ่อคุณแม่มีลูกสองคน น้องคะน้าเป็นพี่คนโตเกิดมาพร้อมกับภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ และมีน้องสาวเกิดมาปกติสมบูรณ์
ตอนที่ตั้งครรภ์น้องคะน้าได้หกเดือน ได้ทำการอัลตร้าซาวด์ พบว่าน้องคะน้ามีภาวะปากแหว่ง คุณหมอจึงแนะนำให้มารับการปรึกษา ณ ศูนย์ตะวันฉาย โรงพยาบาลศรีนครินทร์ นับจากนั้นเป็นต้นมาน้องคะน้าก็ได้รับการดูแล รักษา ผ่าตัด และฟื้นฟูสภาพ โดยทีมสหสาขาวิทยาการศูนย์ตะวันฉายตลอดมา
น้องคะน้าเกิดในครอบครัวที่อบอุ่นและมีความพร้อมที่จะให้การสนับสนุนซึ่งกันและกัน คุณแม่ให้กำลังใจและสนับสนุนให้น้องคะน้าทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้น้องได้เติบโตมามีความกล้าหาญและมีความมั่นใจ โดยน้องคะน้ามีความชอบในด้านดนตรี ด้านการวาดรูป และภาษาอังกฤษ เมื่อไม่นานมานี้น้องยังมีโอกาสได้ไปเรียนภาษาอังกฤษที่ประเทศอังกฤษอีกด้วย
น้องคะน้าเป็นคนที่มีความมั่นใจ ชื่นชอบการพบปะกับผู้คน และกำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนร้อยเอ็ดวิทยาลัย มีความใฝ่ฝันอยากจะเป็นทันตแพทย์ อยากช่วยเหลือผู้อื่นที่เผชิญกับภาวะเดียวกันกับน้อง ช่วยเหลือให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้นเหมือนกับน้องคะน้าที่ได้รับตลอดมา
เรื่องราวของน้องคะน้าเป็นบทพิสูจน์ให้เห็นถึงพลังแห่งความรัก กำลังใจ และความมุ่งมั่น ด้วยคำแนะนำ การอบรมเลี้ยงดูของพ่อแม่ และด้วยการดูแลรักษาจากผู้เชี่ยวชาญของศูนย์ตะวันฉาย และการได้รับความช่วยเหลือจากมูลนิธิตะวันฉายฯ ทำให้ตอนนี้น้องคะน้ามุ่งมั่นทำตามความฝันและยังสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้แก่ผู้อื่น
Kanoknaree Srihata
For many families, a cleft might be something new and unfamiliar, but for the Kanoknaree family, it was something they were already familiar with. Nong Kana, Kanoknaree, was born with a bilateral complete cleft lip with alveolar cleft with cleft palate. Her family wasn’t surprised by this because her father was also born with a cleft. They knew there was a chance their child could inherit this condition.
Kanoknaree’s mom shared that she and her husband talked and prepared themselves before deciding to have children. They agreed that if their child was born with a cleft, they would care for them the best they could. They have two children: one with a cleft and one without.
When Kanoknaree’s mom was six months pregnant, an ultrasound confirmed their child would have a cleft. Dr. Tawanwong, their obstetrician, took care of their case and referred them to the Tawanchai Cleft Center. There, they met a nurse coordinator who taught them how to care for their child.
Nong Kana grew up in a loving and supportive environment. Her mother made sure she grew up brave and confident, encouraging her to engage in various activities. Nong Kana excelled in music, drawing, and English. She even had the chance to attend an English short course in England recently.
Now a confident and outgoing girl, Nong Kana is studying in grade 10 at Roi-Ed Wittayalai School. She dreams of becoming a dentist one day, inspired by her own experiences. Her goal is to help others with similar conditions and make a difference in their lives.
Nong Kana’s journey is a testament to the power of love, support, and determination. With the guidance of her parents and the expertise of the Tawanchai Cleft Center, she is well on her way to achieving her dreams and inspiring others along the way.