วินเนอร์ ณชวรรธน์ วรรณสุพริ้ง

นายณชวรรธน์ วรรณสุพริ้ง หรือ“วินเนอร์” ปัจจุบันอายุ 16 ปี เกิดมาพร้อมภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ด้านซ้ายชนิดสมบูรณ์ อาศัยอยู่กับคุณตาและคุณยายในจังหวัดขอนแก่นหลังจากพ่อแม่แยกทางกัน มีคุณตาเป็นเสาหลักในการดูแลครอบครัว และดูแลคุณยายที่ป่วยไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ แม้วินเนอร์จะไม่ได้เติบโตมาในครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ แต่วินเนอร์ไม่เคยเศร้าหรือรู้สึกด้อยค่าในตัวเอง เพราะความรักความอบอุ่นที่ได้รับจากคุณตาและคุณยายที่ดูแลด้วยความเอาใจใส่ มีครูและเพื่อน ๆ ที่ยอมรับและเข้าใจ ช่วยสร้างความมั่นใจให้วินเนอร์รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของสังคมโดยสมบูรณ์ วินเนอร์ เข้ารับการรักษาครั้งแรกที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ ตอนอายุ 10 เดือน โดยการผ่าตัดเย็บริมฝีปากจากศัลยแพทย์ตกแต่ง และเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่องกับทีมสหสาขาผู้เชี่ยวชาญ โดยมีพยาบาลประจำศูนย์ตะวันฉายคอยติดตามผลการรักษา เมื่อน้องอายุครบ 11 ปี ได้เริ่มเข้ารับการฝึกพูดกับนักแก้ไขการพูด ทำให้น้องมีความมั่นใจในการสื่อสารมากขึ้น ปัจจุบันวินเนอร์มาติดตามการรักษาอย่างต่อเนื่อง โดยเข้ารับการฝึกพูดควบคู่ไปกับการจัดฟัน วินเนอร์ รักและหลงใหลในกีฬาฟุตบอล มีความใฝ่ฝันอยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพในอนาคต โดยมี อุ้ม ธีราทร บุญมาทัน นักฟุตบอลอาชีพชาวไทย เป็นต้นแบบและเป็นแรงบันดาลใจในการเดินตามความฝัน ปัจจุบันวินเนอร์ศึกษาอยู่ที่โรงเรียนเทศบาลบ้านโนนทัน ซึ่งเป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงด้านกีฬา ด้วยความขยัน มุ่งมั่น และตั้งใจฝึกซ้อมอย่างหนัก ทำให้วินเนอร์ได้รับคัดเลือกเป็นนักฟุตบอลทีมโรงเรียน สามารถสร้างชื่อเสียงจากการคว้ารางวัลในการแข่งขันหลายรายการ คุณตากล่าวว่า “ตลอดระยะเวลาที่พาวินเนอร์มาติดตามการรักษา ครอบครัวได้รับการช่วยเหลือด้านค่าเดินทางจากศูนย์ตะวันฉายทุกครั้ง ซึ่งเป็นการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัวได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังได้รับความช่วยเหลือจากมูลนิธิตะวันฉายฯ ทั้งทุนการศึกษา การเข้าร่วมค่ายตะวันฉาย…

ลิขิต โชคบัณฑิต

นายลิขิต โชคบัณฑิต เกิดมาพร้อมภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ ที่สร้างความท้าทายให้กับชีวิตตั้งแต่วัยเยาว์ เขาได้รับการรักษาครั้งสำคัญที่โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น โดยเข้ารับการผ่าตัดเย็บริมฝีปากและปิดเพดานโหว่สำเร็จ ทำให้เขาสามารถกินอาหารและพูดได้อย่างปกติ แม้ร่างกายจะได้รับการฟื้นฟู แต่รอยแผลเป็นบนริมฝีปากยังคงสะท้อนถึงการต่อสู้อันยากลำบากในอดีต เมื่อก้าวสู่ชีวิตในมหาวิทยาลัย ลิขิตมุ่งมั่นกับการเรียนจนสำเร็จการศึกษา แต่ก่อนจะก้าวเข้าสู่โลกการทำงาน ความกังวลเกี่ยวกับภาพลักษณ์ทำให้เขาตัดสินใจปรึกษาแพทย์ที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์เกี่ยวกับการแก้ไขรอยแผลเป็นที่ริมฝีปาก ค่าใช้จ่ายในการรักษาที่สูงเกินความสามารถทำให้เขาต้องมองหาความช่วยเหลือ จนกระทั่งเขาได้พบกับศูนย์ตะวันฉายที่มีการทำงานร่วมกันของทีมสหสาขากว่า 14 ทีม ได้รับการสนับสนุนจาก Smile Train และมีมูลนิธิตะวันฉายฯ ที่คอยให้ความช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการรักษา ค่าอุปกรณ์ที่นอกเหนือจากสิทธิ์ขั้นพื้นฐานของผู้ป่วย ศูนย์แห่งนี้ไม่ได้เพียงแค่ต้อนรับลิขิตอย่างอบอุ่น แต่ยังให้คำปรึกษาและสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดอีกด้วย ผลการรักษาครั้งนี้ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ไม่เพียงแต่ช่วยเสริมความมั่นใจให้กับลิขิต แต่ยังช่วยเขาค้นพบตัวตนในรูปแบบที่ดีที่สุด ปัจจุบัน ลิขิตในวัย 34 ปี ทำงานเป็นวิศวกรโทรคมนาคม เขาไม่เพียงแต่ภูมิใจในความสำเร็จของตัวเอง แต่ยังรู้สึกซาบซึ้งในความช่วยเหลือจากศูนย์ตะวันฉายและ Smile Train ที่มีส่วนสำคัญในการเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขา เรื่องราวของลิขิตไม่เพียงแต่สะท้อนถึงพลังใจในการเผชิญอุปสรรค แต่ยังเป็นตัวอย่างของความสำคัญของการสนับสนุนและความเมตตาที่ช่วยสร้างความแตกต่างให้กับชีวิตของผู้คนในสังคม   Likhit Chokebundit Likhit Chokebundit was born with left complete cleft lip with alveolar cleft…

น้องกร คุณากร โพธิสอน

น้องกรเกิดที่โรงพยาบาลพล จังหวัดขอนแก่น พร้อมภาวะปากแหว่งด้านขวาแบบไม่สมบูรณ์และเพดานโหว่ ซึ่งสร้างความตกใจและกังวลให้กับครอบครัว พยาบาลได้ให้กำลังใจและแนะนำแนวทางการรักษา โดยส่งตัวน้องมายังโรงพยาบาลศรีนครินทร์เพื่อรับดูแลรักษาโดยทีมสหสาขาที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง คุณแม่ได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลตั้งแต่เรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ การดูแลเพื่อเตรียมความพร้อมเข้ารับการผ่าตัด ตลอดจนแนวทางการรักษาของทีมสหสาขา และเมื่อน้ำหนักถึงเกณฑ์ น้องได้เข้ารับการผ่าตัดเย็บริมฝีปากในช่วง 6 เดือนและเย็บปิดเพดานโหว่ช่วงอายุ 1 ปี ซึ่งเป็นไปตามแนวทางการรักษาของทีม แม้การผ่าตัดจะประสบความสำเร็จ แต่ครอบครัวก็เผชิญความยากลำบากอีกครั้งเมื่อพ่อของน้องต้องไปทำงานต่างประเทศ คุณแม่จึงต้องรับหน้าที่ดูแลน้องกรและคุณยายเพียงลำพัง ความห่างไกลจากโรงพยาบาลทำให้น้องกรต้องหยุดการรักษาไปช่วงหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ด้วยโอกาสที่ได้รับจากศูนย์ตะวันฉาย มูลนิธิตะวันฉายฯ น้องกรกลับมารับการรักษาอีกครั้งและปัจจุบันกำลังอยู่ในกระบวนการจัดฟัน น้องกรเป็นนักเรียนที่มีความอ่อนน้อมถ่อมตน มีความมุ่งมั่นและไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค น้องใช้ความท้าทายที่เผชิญมาเป็นแรงผลักดันจนประสบความสำเร็จทางการศึกษา ปัจจุบันน้องกรศึกษาอยู่ที่คณะสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยขอนแก่น วิทยาเขตหนองคาย สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ โดยมีเป้าหมายที่จะทำงานในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นอกจากความสามารถทางวิชาการแล้ว น้องยังมีพรสวรรค์ด้านกีฬา โดยเฉพาะวอลเลย์บอล น้องกรและครอบครัวขอขอบคุณศูนย์ตะวันฉาย มูลนิธิตะวันฉาย ฯ และ Smile Train ที่ให้การสนับสนุนและช่วยเหลือในทุก ๆ ด้าน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสร้างโอกาสและทำให้ชีวิตของน้องสดใสขึ้นอย่างมีความหมาย     Kunakorn Phothisorn Nong Korn was born at Phon…

น้องปู ชนกนาถ และน้องปอ ชนกนันท์

น้องปู ชนกนาถ และน้องปอ ชนกนันท์ สองพี่น้องฝาแฝดที่เกิดมาพร้อมกับภาวะปากแหว่งเพดานโหว่และโรค Hay-Wells Syndrome ซึ่งเป็นโรคหายาก โดยโรคนี้ส่งผลให้เกิดความผิดปกติกับผิวหนัง ผม เล็บ ฟัน ต่อมเหงื่อ รวมถึงมือ และเท้า ซึ่งต้องมีการดูแลที่เฉพาะ ทั้งสองอาศัยอยู่กับพ่อ แม่ พี่สาว และป้า ครอบครัวไม่ได้คาดคิดมาก่อนเลยว่าน้องจะเกิดมาพร้อมกับภาวะนี้และกังวลใจมาก แต่ครอบครัวก็ยังมีความหวังที่จะหาทางรักษาให้น้องทั้งสองนั้นได้หายจากโรค และเติบโตแข็งแรงเหมือนเด็กคนอื่น ๆ โชคดีเป็นอย่างยิ่งที่น้องได้เข้ารับการรักษากับทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทั้งแพทย์ พยาบาล แพทย์ผิวหนัง และทีมสหวิชาชีพจากศูนย์ตะวันฉาย ทีมแพทย์และพยาบาลได้ให้คำแนะนำแก่ครอบครัวในการดูแลน้อง ๆ ตั้งแต่การให้นม การดูและโภชนาการ และการดูแลรักษาความสะอาดของผิวหนัง จนกระทั่งได้รับการผ่าตัดซ่อมแซมปากแหว่ง ในช่วงอายุ 11 เดือน ซึ่งถือว่าช้ากว่าเด็กคนอื่น ๆ นอกจากนี้ ยังตรวจพบว่าช่องหูของน้องทั้งสองแคบ ส่งผลให้ได้ยินระดับเสียงเพียง 40 เดซิเบล หรือไม่สามารถได้ยินเสียงพูดเบา ๆ  น้องได้รับการผ่าตัดเพดานโหว่ จัดฟันและการฝึกพูดตามแนวทางการรักษาผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ซึ่งช่วยให้โครงสร้างใบหน้าของน้องทั้งสองเปลี่ยนไปเกือบเหมือนเด็กทั่วไป ทั้งสองนั้นไม่เพียงต้องต่อสู้กับภาวะปากแหว่งเพดานโหว่เท่านั้น แต่น้องยังต้องต่อสู้กับโรคร่วมที่มาพร้อมกันด้วย ครอบครัวโดยเฉพาะคุณแม่และคุณป้าคอยดูแลน้องมาตั้งแต่แบเบาะ ส่วนคุณพ่อก็พาน้องไปพบแพทย์ตั้งแต่เช้ามืด เพราะต้องเดินทางกว่า 300…

นศพ.ปัณณฑร จิรัฐพิกาลพงศ์ หรือ ปันปัน

ปันปัน นศพ.ปัณณฑร จิรัฐพิกาลพงศ์ “หนูเคยเป็นผู้ป่วยที่ได้รับการช่วยเหลือ และตอนนี้หนูจะเป็นหมอที่ให้ความช่วยเหลือผู้อื่น” ปันปัน เด็กหญิงที่เกิดมาพร้อมกับภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ด้านซ้ายชนิดไม่สมบูรณ์ ที่โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ ในเวลานั้นคุณแม่ไม่ทราบเลยว่าภาวะปากแหว่งเพดานโหว่คืออะไร อีกทั้งการรักษาก็ยังไม่ครอบคลุม   แต่โชคดีที่คุณแม่ได้รู้จักกับศูนย์ตะวันฉาย โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยได้รับคำแนะนำจากพยาบาลประสานงานและพยาบาลผู้เชี่ยวชาญด้านการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ คุณพ่อและคุณแม่ได้รับความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการดูแลลูกที่มีภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ ส่งผลให้น้องปันปันได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ เมื่ออายุได้ 3 เดือน น้องปันปันได้เข้ารับการผ่าตัดเย็บริมฝีปากที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จังหวัดขอนแก่น และผ่าตัดซ่อมแซมเพดานปากตอนอายุ 11 เดือน ส่งผลให้สามารถรับประทานอาหารได้อย่างปกติ อีกทั้งยังได้รับการฝึกพูดจนสามารถพูดได้อย่างชัดเจน เมื่อน้องอายุ 8 ขวบ ได้เข้ารับการผ่าตัดปลูกกระดูกสันเหงือกและเข้าสู่กระบวนการจัดฟันเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งในระหว่างขั้นตอนการรักษา น้องปันปันได้รับความช่วยเหลือและการดูแลอย่างใกล้ชิดจากศูนย์ตะวันฉาย ทั้งในด้านคำแนะนำเกี่ยวกับการรักษา กำลังใจ และการสนับสนุนค่าใช้จ่าย ทำให้น้องเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าการผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากนั้นต้องใช้ความอดทนและความเข้มแข็งเพียงใด ซึ่งน้องก็สามารถก้าวผ่านอุปสรรคต่าง ๆ ได้สำเร็จเพราะความรักและการสนับสนุนจากครอบครัวที่เข้าใจ เอาใจใส่และสนับสนุนน้องในทุก ๆ ด้าน ทำให้น้องเติบโตขึ้นเป็นเด็กที่สดใส ร่าเริง และมีความสุข เป็นการสร้างความมั่นใจในการใช้ชีวิตและการเข้าสังคม นอกจากนี้น้องปันปันและครอบครัวยังเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ของศูนย์ตะวันฉาย เพื่อแบ่งปันประสบการณ์และส่งต่อกำลังใจให้กับผู้ป่วยรายอื่น ๆ อย่างสม่ำเสมอ น้องปันปัน มีผลการเรียนดีเยี่ยม…

น้องอ้อม นิติรัตน์ พนมไพรพฤกษา

ขอขอบพระคุณผู้บริจาคเงินให้กับมูลนิธิตะวันฉายฯ ทำให้ได้มีเงินสมทบทุนในการช่วยเหลือทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของค่ารักษาพยาบาล การผ่าตัด การจัดฟัน การฝึกพูด รวมไปถึงค่าเดินทางในการมารักษาพยาบาลด้วย และขอขอบพระคุณมูลนิธิตะวันฉายที่ได้เปิดโอกาสให้ ดิฉันและเด็กๆที่มีภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ได้มีโอกาสแสดงออกในด้านต่างๆ โดยได้จัดกิจกรรมให้กับเด็กๆ อย่างเราได้เข้าร่วมด้วย ดิฉันมีความรู้สึกภูมิใจและดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการดีๆ แบบนี้ และขอให้มูลนิธิตะวันฉายฯ เป็นที่พึ่งให้กับทุกๆ คน คอยให้คา แนะนา และเป็นที่พักพิงกับผู้แสวงหาโอกาสแบบนี้ตลอดไปค่ะ

น้องกู้ ฐิตินันท์ สุพรรณคุ้ม

ดิฉันเป็นผู้ป่วยปากแหว่ง เพดานโหว่ ที่อยู่ในความดูแลของมูลนิธิตะวันฉายฯ ดิฉันขอขอบพระคุณ ผู้บริจาคเงินให้กับมูลนิธิทุกท่าน ที่ให้ความช่วยเหลือด้านการผ่าตัดตลอดจนค่าเดินทางในการมาติดตามการรักษาอย่างต่อเนื่อง ดิฉันขอขอบพระคุณสาหรับการแบ่งปันจากผู้บริจาคที่ทำให้ชีวิตของดิฉันเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น

คุณหนิง อรุณี สักขวา

“ซิงเกิ้ลมัมสุดแกร่ง ผู้เป็นแรงบันดาลใจให้คุณแม่และผู้ป่วยทุกคนสู้ชีวิต” คุณอรุณี สักขวา หรือคุณหนิง เป็นทั้งคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ดูแลลูกสามคนและเป็นผู้มีภาวะปากแหว่งและเพดานโหว่ร่วมด้วย เธอได้ถ่ายทอดประสบการณ์และความรู้สึกที่เคยท้อแท้จากแรงกดดันในการใช้ชีวิตที่ไม่เหมือนผู้อื่น แต่สิ่งที่ทำให้คุณหนิงฮึดสู้และมีกำลังใจ คือ “ความเป็นแม่” เธอตั้งมั่นว่าจะเป็นแม่ที่ดีที่สุด และจะอดทนเลี้ยงลูกให้เติบโตเป็นคนดีและอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข โดยมีลูกๆ และครอบครัวของเธอคอยเป็นกำลังใจ แม้ในบางช่วงของชีวิตอาจมีเหตุวิกฤติ ก็ยังสามารถผ่านพ้นไปได้ ปัจจุบัน คุณหนิงประกอบอาชีพแมบ่ ้านอย่ทู ี่บริษัท SCG มีรายได้สามารถเลี้ยงดูตนเองและครอบครัวได้อย่างเข้มแข็ง คุณหนิงอยากเป็นกำลังใจให้กับแม่ที่มีภาวะปากแหว่งเพดานโหว่เหมือนตน โดยให้ข้อคิดว่า “ต้องมองโลกในแง่บวกเข้าไว้ และให้คิดถึงลูก จะมีกำลังใจมากขึ้น” นอกจากนี้ การที่คุณหนิงได้รับความช่วยเหลือด้านทุนสนับสนุนการประกอบอาชีพจากมูลนิธิตะวันฉายฯ ทำให้เธอได้รับรู้ว่า สังคมยังไม่ทอดทิ้ง ดังนั้น ทั้งคุณหนิงและมูลนิธิตะวันฉายฯ จะอยู่พร้อมเป็นกำลังใจให้แก่แม่ๆ และผู้ป่วยทุก

น้องเอ ลิขิต สำราญเนตร

“แรงใจที่ยิ่งใหญ่จากครอบครัว สร้างหนุ่มหล่อผู้ตอบแทนสังคม” น้องลิขิต สำราญเนตร มีภาวะปากแหว่งและเพดานโหว่ ซึ่งต้องเข้ารับผ่าตัดรักษาในปี พ.ศ.2543 ขณะอายุได้ 8 เดือน ด้วยความที่ครอบครัวอาศัยอยู่ห่างไกลจากโรงพยาบาล การเดินทางก็ลำบาก เนื่องจากฐานะทางครอบครัวไม่สู้ดีนัก ส่งผลกระทบถึงสภาพจิตใจที่ครอบครัวต้องเผชิญ แต่ด้วยความหวังและแรงใจที่แข็งแกร่ง ครอบครัวได้พาน้องลิขิตมารับการรักษาที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์อย่างต่อเนื่อง ผลจากความรักของครอบครัว ทำให้น้องลิขิตได้รับการผ่าตัดรักษาจน ปัจจุบันมีใบหน้าที่หล่อเหลา น้องลิขิตเป็นคนมีความมั่นใจในตนเองและชอบทำกิจกรรมเพื่อสังคม จึงมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ ของโรงเรียน เช่น โครงการงดบุหรี่ในวัยรุ่น เพื่อเป็นแบบอย่างให้กับผู้อื่น ทั้งนี้ ครอบครับน้องลิขิต ขอขอบคุณมูลนิธิตะวันฉายฯ คุณหมอและพยาบาลทุกท่าน ที่ช่วยเหลือน้องลิขิตจนมีวันนี้ และน้องลิขิตขอฝาก กำลังใจให้น้องๆ ตะวันฉายด้วยว่า “ทุกคนที่เกิดมามีใบหน้าเหมือนกับผม เส้นทางข้างหน้ายังมีความหวังสำหรับเราเสมอ เมื่อเรายังเดินต่อได้ เราก็ต้องสู้และพยายามต่อไปเรื่อยๆ แล้ววันหนึ่งความหวังจะเป็นจริงครับ”

น้องสร้อย สร้อยสุดา โนพา

ตั้งแต่ครั้งแรกที่หนูได้ไปรับการรักษา คุณหมอให้การช่วยเหลือและแนะนำดีมากค่ะ คอยเอาใจใส่และห่วงใยไม่เคยทอดทิ้งหนู ทุกครั้งที่ไปโรงพยาบาลหนูประทับใจมาก ไม่ว่าจะเป็นการรักษาการผ่าตัดในทุกครั้ง คุณหมอก็เอาใจใส่ดีมาก พูดจาดีมาก ทำให้หนูมีชีวิตใหม่ กล้าเผชิญหน้ากับทุกคน และไม่ท้อถอยกล้าต่อสู้กับอุปสรรคทุกอย่างโดยไม่ย่อท้อ หนูจะตั้งใจเรียนให้สำเร็จ จะได้ทำงานเลี้ยงดูคุณพ่อกับคุณแม่และน้องๆ  สิ่งที่หนูไม่เคยลืม คือ มูลนิธิตะวันฉายฯ ไม่เคยทอดทิ้งและคอยดูแลห่วงใยมาตลอด ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เข้ามารับการดูแลโดยมูลนิธิฯจนถึงปัจจุบัน ซึ่งรวมถึงการสนับสนุนในด้านต่างๆ ทั้งค่าเดินทาง ทุนการศึกษา อุปกรณ์คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์การเรียน ซึ่งหนูขอบพระคุณมูลนิธิตะวันฉายฯ คุณหมอทุกท่านและโรงพยาบาลศรีนครินทร์มาก ๆ ค่ะ