น้องปู ชนกนาถ และน้องปอ ชนกนันท์

น้องปู ชนกนาถ และน้องปอ ชนกนันท์ สองพี่น้องฝาแฝดที่เกิดมาพร้อมกับภาวะปากแหว่งเพดานโหว่และโรค Hay-Wells Syndrome ซึ่งเป็นโรคหายาก โดยโรคนี้ส่งผลให้เกิดความผิดปกติกับผิวหนัง ผม เล็บ ฟัน ต่อมเหงื่อ รวมถึงมือ และเท้า ซึ่งต้องมีการดูแลที่เฉพาะ ทั้งสองอาศัยอยู่กับพ่อ แม่ พี่สาว และป้า ครอบครัวไม่ได้คาดคิดมาก่อนเลยว่าน้องจะเกิดมาพร้อมกับภาวะนี้และกังวลใจมาก แต่ครอบครัวก็ยังมีความหวังที่จะหาทางรักษาให้น้องทั้งสองนั้นได้หายจากโรค และเติบโตแข็งแรงเหมือนเด็กคนอื่น ๆ โชคดีเป็นอย่างยิ่งที่น้องได้เข้ารับการรักษากับทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทั้งแพทย์ พยาบาล แพทย์ผิวหนัง และทีมสหวิชาชีพจากศูนย์ตะวันฉาย ทีมแพทย์และพยาบาลได้ให้คำแนะนำแก่ครอบครัวในการดูแลน้อง ๆ ตั้งแต่การให้นม การดูและโภชนาการ และการดูแลรักษาความสะอาดของผิวหนัง จนกระทั่งได้รับการผ่าตัดซ่อมแซมปากแหว่ง ในช่วงอายุ 11 เดือน ซึ่งถือว่าช้ากว่าเด็กคนอื่น ๆ นอกจากนี้ ยังตรวจพบว่าช่องหูของน้องทั้งสองแคบ ส่งผลให้ได้ยินระดับเสียงเพียง 40 เดซิเบล หรือไม่สามารถได้ยินเสียงพูดเบา ๆ  น้องได้รับการผ่าตัดเพดานโหว่ จัดฟันและการฝึกพูดตามแนวทางการรักษาผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ซึ่งช่วยให้โครงสร้างใบหน้าของน้องทั้งสองเปลี่ยนไปเกือบเหมือนเด็กทั่วไป ทั้งสองนั้นไม่เพียงต้องต่อสู้กับภาวะปากแหว่งเพดานโหว่เท่านั้น แต่น้องยังต้องต่อสู้กับโรคร่วมที่มาพร้อมกันด้วย ครอบครัวโดยเฉพาะคุณแม่และคุณป้าคอยดูแลน้องมาตั้งแต่แบเบาะ ส่วนคุณพ่อก็พาน้องไปพบแพทย์ตั้งแต่เช้ามืด เพราะต้องเดินทางกว่า 300…

นศพ.ปัณณฑร จิรัฐพิกาลพงศ์ หรือ ปันปัน

ปันปัน นักศึกษาคณะแพทย์ศาสตร์ชั้นปีที่ 2 มหาวิทยาลัยขอนแก่น นางสาวปัณณฑร หรือน้องปันปัน เด็กสาวที่เกิดมาพร้อมกับภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ ณ จังหวัดกาฬสินธุ์ ตอนที่คุณพ่อและคุณแม่ของน้องปันปันรู้ว่าลูกของตนเกิดมาในภาวะเช่นนี้ ทางครอบครัวไม่มีความรู้เกี่ยวกับภาวะนี้เลย และในขณะนั้นเองศูนย์การดูแลในกลุ่มโรคนี้ยังมีไม่ค่อยมากนัก  แต่แล้วก็ได้รับความช่วยเหลือจากศูนย์ตะวันฉายและมูลนิธิตะวันฉายฯ ทำให้คุณพ่อและคุณแม่หายกังวลใจ เมื่อทราบว่าโรคนี้สามารถรักษาได้ น้องปันปันเข้ารับการรักษาและผ่าตัดครั้งแรกเมื่ออายุได้ 3 เดือน ผ่าตัดครั้งที่สองเมื่ออายุ 11 เดือน โดยทีมแพทย์จากโรงพยาบาลศรีนครินทร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น หลังจากทำการผ่าตัด ก็ได้รับการดูแลด้านอื่นๆด้วย โดยได้รับการฝึกพูดและจัดฟันเมื่ออยู่ในช่วงระหว่างการศึกษาระดับมัธยมศึกษา กระทั่งน้องสามารถพูดได้อย่างชัดเจนและคล่องแคล่ว น้องปันปันสามารถก้าวผ่านอุปสรรคและความยากลำบากต่างๆมาได้ เนื่องจากความรัก ความดูแลเอาใจใส่จากครอบครัว และการดูแลที่เหมาะสมจากทีมแพทย์ พยาบาล นักแก้ไขการพูดและทันตแพทย์ตั้งแต่ยังเด็ก จนน้องหายเป็นปกติ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ง่ายเลยสำหรับน้องปันปัน นอกจากนั้นแล้วน้องปันปันยังมีความฝันอยากที่จะเป็นหมอ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยอื่นๆ เหมือนอย่างที่น้องเคยได้รับความช่วยเหลือและความเอาใจใส่เมื่อวัยเด็กจากทุกคนรอบๆตัวน้อง นอกจากความสามารถด้านการศึกษาแล้ว น้องปันปันยังมีความสามารถพิเศษทางด้านดนตรีอีกด้วย น้องสามารถเล่นเปียโนได้อย่างเชี่ยวชาญและเคยมาเล่นให้กับทีมผู้รักษาของศูนย์ตะวันฉายในงานสำคัญต่างๆด้วย ปัจจุบัน น้องปันปัน กำลังศึกษาอยู่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งน้องสามารถทำตามความฝันที่ตนเองตั้งใจไว้ พร้อมทั้งสามารถยิ้มได้อย่างมีความสุขและมีความมั่นใจในทุกๆวัน น้องปันปัน ขอขอบคุณ สมาล์ยเทรนและมูลนิธิตะวันฉายเพื่อผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่และพิการทางศีรษะและใบหน้า (ภายใต้โครงการพระราชทานตะวันฉาย) มหาวิทยาลัยขอนแก่น ครอบครัวและเพื่อนๆ ที่มีส่วนร่วมในการสร้างรอยยิ้มให้แก่น้องปันปัน ในความตั้งใจอันดีของน้องปันปันและการสนับสนุนจากครอบครัวน้องปันปัน…

น้องอ้อม นิติรัตน์ พนมไพรพฤกษา

ขอขอบพระคุณผู้บริจาคเงินให้กับมูลนิธิตะวันฉายฯ ทำให้ได้มีเงินสมทบทุนในการช่วยเหลือทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของค่ารักษาพยาบาล การผ่าตัด การจัดฟัน การฝึกพูด รวมไปถึงค่าเดินทางในการมารักษาพยาบาลด้วย และขอขอบพระคุณมูลนิธิตะวันฉายที่ได้เปิดโอกาสให้ ดิฉันและเด็กๆที่มีภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ได้มีโอกาสแสดงออกในด้านต่างๆ โดยได้จัดกิจกรรมให้กับเด็กๆ อย่างเราได้เข้าร่วมด้วย ดิฉันมีความรู้สึกภูมิใจและดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการดีๆ แบบนี้ และขอให้มูลนิธิตะวันฉายฯ เป็นที่พึ่งให้กับทุกๆ คน คอยให้คา แนะนา และเป็นที่พักพิงกับผู้แสวงหาโอกาสแบบนี้ตลอดไปค่ะ

น้องกู้ ฐิตินันท์ สุพรรณคุ้ม

ดิฉันเป็นผู้ป่วยปากแหว่ง เพดานโหว่ ที่อยู่ในความดูแลของมูลนิธิตะวันฉายฯ ดิฉันขอขอบพระคุณ ผู้บริจาคเงินให้กับมูลนิธิทุกท่าน ที่ให้ความช่วยเหลือด้านการผ่าตัดตลอดจนค่าเดินทางในการมาติดตามการรักษาอย่างต่อเนื่อง ดิฉันขอขอบพระคุณสาหรับการแบ่งปันจากผู้บริจาคที่ทำให้ชีวิตของดิฉันเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น

คุณหนิง อรุณี สักขวา

“ซิงเกิ้ลมัมสุดแกร่ง ผู้เป็นแรงบันดาลใจให้คุณแม่และผู้ป่วยทุกคนสู้ชีวิต” คุณอรุณี สักขวา หรือคุณหนิง เป็นทั้งคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ดูแลลูกสามคนและเป็นผู้มีภาวะปากแหว่งและเพดานโหว่ร่วมด้วย เธอได้ถ่ายทอดประสบการณ์และความรู้สึกที่เคยท้อแท้จากแรงกดดันในการใช้ชีวิตที่ไม่เหมือนผู้อื่น แต่สิ่งที่ทำให้คุณหนิงฮึดสู้และมีกำลังใจ คือ “ความเป็นแม่” เธอตั้งมั่นว่าจะเป็นแม่ที่ดีที่สุด และจะอดทนเลี้ยงลูกให้เติบโตเป็นคนดีและอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข โดยมีลูกๆ และครอบครัวของเธอคอยเป็นกำลังใจ แม้ในบางช่วงของชีวิตอาจมีเหตุวิกฤติ ก็ยังสามารถผ่านพ้นไปได้ ปัจจุบัน คุณหนิงประกอบอาชีพแมบ่ ้านอย่ทู ี่บริษัท SCG มีรายได้สามารถเลี้ยงดูตนเองและครอบครัวได้อย่างเข้มแข็ง คุณหนิงอยากเป็นกำลังใจให้กับแม่ที่มีภาวะปากแหว่งเพดานโหว่เหมือนตน โดยให้ข้อคิดว่า “ต้องมองโลกในแง่บวกเข้าไว้ และให้คิดถึงลูก จะมีกำลังใจมากขึ้น” นอกจากนี้ การที่คุณหนิงได้รับความช่วยเหลือด้านทุนสนับสนุนการประกอบอาชีพจากมูลนิธิตะวันฉายฯ ทำให้เธอได้รับรู้ว่า สังคมยังไม่ทอดทิ้ง ดังนั้น ทั้งคุณหนิงและมูลนิธิตะวันฉายฯ จะอยู่พร้อมเป็นกำลังใจให้แก่แม่ๆ และผู้ป่วยทุก

น้องเอ ลิขิต สำราญเนตร

“แรงใจที่ยิ่งใหญ่จากครอบครัว สร้างหนุ่มหล่อผู้ตอบแทนสังคม” น้องลิขิต สำราญเนตร มีภาวะปากแหว่งและเพดานโหว่ ซึ่งต้องเข้ารับผ่าตัดรักษาในปี พ.ศ.2543 ขณะอายุได้ 8 เดือน ด้วยความที่ครอบครัวอาศัยอยู่ห่างไกลจากโรงพยาบาล การเดินทางก็ลำบาก เนื่องจากฐานะทางครอบครัวไม่สู้ดีนัก ส่งผลกระทบถึงสภาพจิตใจที่ครอบครัวต้องเผชิญ แต่ด้วยความหวังและแรงใจที่แข็งแกร่ง ครอบครัวได้พาน้องลิขิตมารับการรักษาที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์อย่างต่อเนื่อง ผลจากความรักของครอบครัว ทำให้น้องลิขิตได้รับการผ่าตัดรักษาจน ปัจจุบันมีใบหน้าที่หล่อเหลา น้องลิขิตเป็นคนมีความมั่นใจในตนเองและชอบทำกิจกรรมเพื่อสังคม จึงมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ ของโรงเรียน เช่น โครงการงดบุหรี่ในวัยรุ่น เพื่อเป็นแบบอย่างให้กับผู้อื่น ทั้งนี้ ครอบครับน้องลิขิต ขอขอบคุณมูลนิธิตะวันฉายฯ คุณหมอและพยาบาลทุกท่าน ที่ช่วยเหลือน้องลิขิตจนมีวันนี้ และน้องลิขิตขอฝาก กำลังใจให้น้องๆ ตะวันฉายด้วยว่า “ทุกคนที่เกิดมามีใบหน้าเหมือนกับผม เส้นทางข้างหน้ายังมีความหวังสำหรับเราเสมอ เมื่อเรายังเดินต่อได้ เราก็ต้องสู้และพยายามต่อไปเรื่อยๆ แล้ววันหนึ่งความหวังจะเป็นจริงครับ”

น้องสร้อย สร้อยสุดา โนพา

ตั้งแต่ครั้งแรกที่หนูได้ไปรับการรักษา คุณหมอให้การช่วยเหลือและแนะนำดีมากค่ะ คอยเอาใจใส่และห่วงใยไม่เคยทอดทิ้งหนู ทุกครั้งที่ไปโรงพยาบาลหนูประทับใจมาก ไม่ว่าจะเป็นการรักษาการผ่าตัดในทุกครั้ง คุณหมอก็เอาใจใส่ดีมาก พูดจาดีมาก ทำให้หนูมีชีวิตใหม่ กล้าเผชิญหน้ากับทุกคน และไม่ท้อถอยกล้าต่อสู้กับอุปสรรคทุกอย่างโดยไม่ย่อท้อ หนูจะตั้งใจเรียนให้สำเร็จ จะได้ทำงานเลี้ยงดูคุณพ่อกับคุณแม่และน้องๆ  สิ่งที่หนูไม่เคยลืม คือ มูลนิธิตะวันฉายฯ ไม่เคยทอดทิ้งและคอยดูแลห่วงใยมาตลอด ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เข้ามารับการดูแลโดยมูลนิธิฯจนถึงปัจจุบัน ซึ่งรวมถึงการสนับสนุนในด้านต่างๆ ทั้งค่าเดินทาง ทุนการศึกษา อุปกรณ์คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์การเรียน ซึ่งหนูขอบพระคุณมูลนิธิตะวันฉายฯ คุณหมอทุกท่านและโรงพยาบาลศรีนครินทร์มาก ๆ ค่ะ

น้องอุ้ม วันทชัย สมจิตร์

‘ผมอยากทำงานมีเงินเยอะๆ เพื่อจะได้มีเงินเรียนต่อจนจบปริญญาตรี’ น้องอุ้ม ผู้ที่เกิดมากับกลุ่มอาการเทรชเชอร์ คอลลินส์ และใบหูเล็กแต่กำเนิด ที่ต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง ครั้งแรกที่คุณยายเห็นหน้าหลานรู้สึกตกใจ เสียใจอย่างมาก แต่ก็ยอมรับได้เพราะสงสารหลานและต้องดูแลให้เขาเติบโตเป็นคนที่สมบูรณ์เหมือนคนทั่วไป จนกระทั่งได้รับการช่วยเหลือจากโครงการ ๘๔ รอยยิ้ม ทำดีตามรอยพ่อฯ ได้รับการผ่าตัด และดูแลรักษาอย่างต่อเนื่องตลอดมา น้องอุ้มหูไม่ค่อยได้ยินทั้งสองข้าง ต้องใส่เครื่องช่วยฟัง น้องอุ้มเป็นเด็กอารมณ์ดี ร่าเริง แจ่มใส ชอบวาดภาพและเล่นดนตรี ปัจจุบันน้องอุ้ม กำลังศึกษาที่โรงเรียนโสตศึกษาจังหวัดขอนแก่น เกรดเฉลี่ยสามกว่าของเด็กพิเศษ จากความไม่สมบูรณ์ทั้งร่างกายและการได้ยิน แต่ไม่ได้ทำให้ล้มเลิกความใฝ่ฝันที่อยากเรียนหนังสือ น้องอุ้มเป็นเด็กจิตอาสา ชอบช่วยเหลือเพื่อน ชอบเล่นดนตรี ชอบการเล่นกีฬาฟุตซอล เป็นที่รักของอาจารย์ในโรงเรียนและเป็นเด็กมัธยัสถ์ เพื่อจะได้มีเงินสำรองสำหรับการเรียนของตนจนกว่าจะจบในระดับปริญญาตรี สุดท้ายขอขอบคุณ มูลนิธิตะวันฉายฯ ที่ให้ความช่วยเหลือดูแลในทุกด้านด้วยดีตลอดมา

น้องตะวัน ศุภสวัสดิ์ โครตทุม

เด็กหนุ่มจิตอาสา ผู้ที่ได้รับการผ่าตัดตกแต่งและฟื้นฟูสภาพ พร้อมการก้าวเข้าวัยอุดมศึกษา ‘จากที่ได้รับการผ่าตัด ทำให้ผมไม่รู้สึกว่า ตัวเองมีความบกพร่องอะไร สามารถทำกิจกรรมร่วมกับคนอื่นได้ เรียนได้เหมือนเด็กทั่วไป’ ตะวัน เกิดมากับความผิดปกติทางร่างกาย คือ ปากแหว่งเพดานโหว่ ซึ่งความผิดปกตินี้ทำให้บิดามารดาของตะวัน เอาใจใส่ให้ความรัก เลี้ยงดูอย่างใกล้ชิด จนกระทั่งถึงวัยเรียนระดับอุดมศึกษา ที่ต้องได้รับการผ่าตัดแก้ไขความพิการที่เหลือ และได้รับการดูแลจากทีมแพทย์มูลนิธิตะวันฉายฯ ตามแนวทางการรักษา จากการรักษาทำให้ตะวันได้มองข้ามจุดบกพร่องที่เคยมี และได้เปลี่ยนเป็นความมั่นใจในตนเอง ตั้งใจเรียน และพยามแก้ไขข้อจำกัดที่เป็นอุปสรรคหรือคิดว่าเป็นปมด้อย คือ เรื่องการพูด เพราะเป็นสิ่งที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน ตะวันพยายามฝึกพูด ฝึกอ่าน ฝึกเขียน โดยมีบิดามารดาคอยช่วยเหลือและสนับสนุน ปัจจุบันตะวัน มีอาชีพ ข้าราชการครู วิชาเอกภาษาไทย ตำแหน่ง ครูผู้ช่วยโรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๘๔ (บ้านสำราญเพี้ยฟาน) ตะวันขอฝากกำลังใจไปยังพี่น้องตะวันฉายทุกคนว่า “อย่าคิดว่าสิ่งที่เราเป็น คือ ปมด้อย ท้อได้แต่อย่าถอย ไม่มีสิ่งใดในโลกที่เราทำไม่ได้เฉกเช่นบุคคลอื่น ทุกคนมีความสามารถ ทุกคนมีความฝัน และมันต้องสำเร็จอย่างแน่นอน”และขอบคุณมูลนิธิตะวันฉายฯ ที่ให้ความช่วยเหลือครอบครัวตะวันเสมอมา

ครอบครัวกลายกลาง

“ความรู้สึกที่ไม่เคยลืม เมื่อหมอได้ยกลูกให้ดูในวันคลอด ภาพนั้นยังคงติดในความทรงจำ มีแต่ความสงสารและเป็นห่วง รวมถึงกังวลว่าจะเลี้ยงดูอย่างไร” “สิ่งอยากแบ่งปัน… การดูแลลูกที่มีความเจ็บป่วยความผิดปกติ จำเป็นต้องใช้ความเข้าใจ และอดทนต่อการเข้ารับการรักษาที่มีระยะเวลายาวนาน ให้ความรักและเมตตา แล้วเขาจะเป็นต้นกล้าที่แข็งแรงเจริญเติบโตได้อย่างมีคุณภาพ” ความในใจจากผู้เป็นแม่ การเผชิญกับปัญหาในการรักษาที่มีแต่ความกังวล ไม่ว่าจะในเรื่องแผลหลังการผ่าตัดจะติดดีหรือไม่ ลูกจะเจ็บหรือไม่ มีอาการอื่นแทรกซ้อนไหมซึ่งมันเป็นความเครียดที่เกิดขึ้นทุกครั้งที่ลูกเข้ารับการผ่าตัด ความเหนื่อยและท้อแท้ที่เกิดขึ้นได้เบาบางลงหลังจากได้รับคำแนะนำจากแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ของศูนย์ตะวันฉาย และได้เข้าใจความรุนแรงตามอาการของโรค ขั้นตอนที่ต้องเข้ารับการรักษา ทำให้แม่ไม่โดดเดี่ยว เลิกอ้างว้าง ด้วยความเอื้ออาทรจากทีมงาน แม้จะต้องเดินทางเพื่อมารับการรักษาก็มีความยินดีเพราะเหมือนได้มาพบญาติ เมื่อมีปัญหาก็ได้รับคำตอบที่เต็มไปด้วยความเป็นมิตร ปัจจุบันในความรู้สึกของแม่และครอบครัว ลูกมีความปกติและสมบูรณ์เหมือนคนอื่นๆ กล้า         เข้าสังคม และสิ่งที่แม่ภาคภูมิใจมากที่สุด คือ การที่ได้ก้าวข้ามอุปสรรคและสามารถชนะสิ่งที่อยู่ในใจที่คิดว่าตนเองขาด ไม่มีความสมบูรณ์เหมือนคนทั่วไป อีกทั้งยังได้เป็นครูซึ่งเป็นอาชีพที่มีความมั่นคง และได้ถ่ายทอดความรู้ที่ตนมีให้แก่เด็กทั่วไป