เทพพิทักษ์ กันนลาศ เด็กชายวัย 14 ปีจากจังหวัดเลย ผู้เกิดมาพร้อมภาวะปากแหว่งเพดานโหว่สองข้างชนิดสมบูรณ์ เรื่องราวของเขาเป็นบทเรียนแห่งความมุ่งมั่น ความเสียสละ และความเข้มแข็งที่เหนือคำบรรยาย
จุดเริ่มต้นของการรักษา
น้องเทพพิทักษ์เกิดที่จังหวัดภูเก็ต และได้รับการผ่าตัดเย็บริมฝีปากครั้งแรกเมื่ออายุได้ 3 เดือนที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต หลังจากครอบครัวย้ายมาอยู่จังหวัดเลย เขายังคงได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องในโรงพยาบาลใกล้บ้าน ต่อมาเมื่อได้รับคำแนะนำ ครอบครัวจึงพาน้องมารักษาที่ศูนย์ตะวันฉาย โรงพยาบาลศรีนครินทร์ ซึ่งมีทีมสหสาขาผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่ให้การดูแลอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่นั้นมา น้องเทพพิทักษ์ได้รับการผ่าตัดเพิ่มเติม ควบคู่ไปกับการฝึกพูด การตรวจการได้ยินและจัดฟัน
ความท้าทายและการก้าวข้ามอุปสรรค
การเดินทางจากจังหวัดเลยมาที่ขอนแก่นกินเวลาถึง 4-5 ชั่วโมง ซึ่งส่งผลต่อการมาตามนัดหมายในบางครั้ง อย่างไรก็ตาม ครอบครัวได้พยายามอย่างดีที่สุดเพื่อให้น้องได้รับการรักษา และในช่วงต้นปี 2563 น้องเทพพิทักษ์ได้กลับมารับการรักษาต่อ โดยเริ่มการจัดฟันและฝึกพูดเพิ่มเติม
การเกิดมาพร้อมกับภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ทำให้น้องต้องเผชิญกับคำพูดลบ ๆ และการสบประมาทจากผู้คนรอบข้าง แต่แทนที่จะปล่อยให้สิ่งเหล่านั้นทำให้ตนเองท้อแท้ น้องเทพพิทักษ์ได้เรียนรู้ที่จะมองข้ามคำพูดเหล่านั้น และใช้ประสบการณ์นี้เสริมสร้างความมั่นใจและคุณค่าในตัวเอง
การเสียสละเพื่อครอบครัว
ในวัย 14 ปี น้องเทพพิทักษ์ตัดสินใจลาออกจากโรงเรียนเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระทางครอบครัวและให้โอกาสน้องสาวได้เรียนหนังสือ คุณพ่อของน้องภูมิใจในตัวลูกชายเป็นอย่างมาก โดยกล่าวว่าน้องเป็นเด็กที่มีทัศนคติที่ดี และยังมีความหวังที่จะกลับไปศึกษาต่อในสิ่งที่เขารักในอนาคต
การสนับสนุนจากศูนย์ตะวันฉายและมูลนิธิตะวันฉาย
ศูนย์ตะวันฉายและมูลนิธิตะวันฉายได้มีบทบาทสำคัญในชีวิตของน้องเทพพิทักษ์ โดยมอบการดูแลที่ครอบคลุม รวมถึงการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการรักษาและการเดินทาง ซึ่งช่วยให้น้องสามารถมารับการรักษาได้อย่างสม่ำเสมอ คุณพ่อของน้องได้แสดงความขอบคุณต่อทีมแพทย์และเจ้าหน้าที่ที่ช่วยให้ลูกชายมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น และสุขภาพร่างกายดีขึ้นตามลำดับ
เรื่องราวของน้องเทพพิทักษ์เป็นบทพิสูจน์ว่าความเข้มแข็งในจิตใจ ความรักของครอบครัว และการสนับสนุนที่ดี สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนคนหนึ่งให้เดินหน้าไปได้อย่างมั่นคง พร้อมเผชิญกับโลกใบนี้อย่างเต็มภาคภูมิ
Theppitak Kannarat
Theppitak, a 14-year-old boy, is the eldest son of the Kannarat family, residing in Loei province. He was born with bilateral complete cleft lip with alveolar cleft with cleft palate in Phuket. Initially, Theppitak received his first cleft lip repair surgery at Vachira Phuket Hospital when he was around 3 months old. After moving to Loei with his father, mother, and one younger sister, he continued his medical care at a local hospital.
During his treatment, someone familiar with the Tawanchai Center recommended bringing Theppitak there. Consequently, he started receiving treatment at Srinagarind Hospital. The doctor recommended another surgery to correct his cleft lip when he turned 2 years old. Additionally, he underwent speech therapy and continued to attend appointments regularly.
Due to personal family issues and the considerable distance from Loei to Khon Kaen, which took around 4-5 hours, Theppitak missed some of his medical appointments. However, in early 2020, his father brought him back for further treatment. Theppitak entered the process of orthodontic treatment, awaited appointments for surgery, and participated in speech therapy to improve his speech development.
Being born with a cleft lip and palate often brings challenges, including facing judgment and negative comments from those around. However, he learned to not pay much attention to these comments, allowing them to roll off his back to protect his self-esteem. At the age of 14, Theppitak decided to leave school to assist his parents, expressing a desire for them to focus on his younger sister’s education. Theppitak shows positive attitude and hopes of returning to pursue studies aligned with his interests in the future. His father is so proud of him.
His father commends the Tawanchai Center for the excellent care provided. He is grateful for the assistance with medical expenses and transportation, making it possible for Theppitak to attend appointments. The father is pleased that Theppitak has the opportunity to undergo continuous treatment, gradually achieving a more complete and confident appearance.
Theppitak’s stories have shown his resilience, the love of his family, and how great support can change one’s life forever.