น้องแพร โสภิตา เกิดมาพร้อมกับภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ด้านซ้ายชนิดไม่สมบูรณ์ ที่โรงพยาบาลมหาสารคาม ในครอบครัวมีพี่ชายและพี่สาวโดยน้องแพรเป็นลูกคนเล็กที่สุดในบ้าน คนในครอบครัวไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าน้องจะเกิดมาพร้อมกับภาวะนี้ ตอนแรกแม่ของน้องเศร้าและเสียใจมากที่น้องแพรมีภาวะนี้ แต่ด้วยความรักและความอบอุ่นในครอบครัวที่มีให้กันเสมอ ช่วยให้ครอบครัวของน้องแพรสามารถก้าวข้ามผ่านอุปสรรคนั้นไปได้ด้วยดี
คุณหมอที่โรงพยาบาลมหาสารคามแนะนำว่าให้ส่งตัวน้องไปที่ศูนย์ตะวันฉาย โรงพยาบาลศรีนครินทร์ ซึ่งจะมีทีมผู้เชี่ยวชาญที่จะช่วยดูแลรักษาผู้ป่วยภาวะปากแหว่งเพดานโหว่โดยเฉพาะ คุณแม่เล่าว่าพยาบาลประจำศูนย์ได้เป็นผู้บอกแนวทางในการดูแลน้องแพรและนัดหมายการผ่าตัดที่จำเป็นให้ น้องแพรได้เข้ารับการผ่าตัดเย็บเพดานและริมฝีปาก หลังจากนั้นก็ได้รับการฝึกพูดจนสามารถสื่อสารได้อย่างคล่องแคล่ว โดยน้องจะได้รับการจัดฟันในลำดับต่อไปเพื่อให้สุขภาพช่องปากและรูปหน้าของน้องได้เจริญเติบโตอย่างสมวัย
เมื่อน้องแพรได้เข้าสู่โรงเรียนประถม น้องก็ได้เจอกับบททดสอบความแข็งแกร่งของจิตใจ น้องนั้นได้ถูกล้อเลียนจากเพื่อน ๆ เพราะสิ่งที่น้องเป็น แต่เมื่อเวลาผ่านไปน้องก็เริ่มเข้าใจว่าภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ที่ตนเองเป็นนั้น เป็นแค่ส่วนหนึ่งในชีวิตเท่านั้น และไม่ได้เป็นสิ่งที่จะมาจำกัดความสามารถของน้องได้ เรื่องราวของน้องแพรนั้นเป็นบททดสอบที่แสดงให้เห็นถึงความรัก ความเอาใจใส่ ความพยายาม และยังสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่น ๆ รอบตัวว่าความสวยงามของมนุษย์นั้นเกิดขึ้นมาจากข้างในตัวเรา คุณแม่ของน้องเล่าว่าน้องเป็นคนที่เข้มแข็ง แม้ว่าจะผ่านการผ่าตัดมาหลายครั้ง หรือต้องเจอกับความเครียดในการรักษามากแค่ไหน น้องยังคงเป็นเด็กสาวเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง
ตอนนี้น้องแพรกำลังอยู่ในขั้นตอนการจัดฟัน ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายในการรักษา และตอนนี้น้องเป็นนักศึกษาคณะสาธารณะสุข ที่มหาวิทยาลัยมหาสารคาม น้องแพรทำตามความฝันด้วยความชอบและความมุ่งมั่น ซึ่งเป็นสิ่งที่ยืนยันว่าภาวะที่น้องเป็นนั้นไม่สามารถขัดขวางศักยภาพของน้องได้
ศูนย์ตะวันฉายและสไมล์เทรนเป็นผู้ที่ให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนน้องมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นการดูแลอย่างครอบคลุมจนถึงการให้คำแนะนำเพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ และการอุทิศตนของเจ้าหน้าที่ทุกคนมีส่วนสำคัญมากในการเปลี่ยนแปลงชีวิตของน้องให้มีความมั่นใจ ทำให้น้องเป็นหญิงสาวที่จิตใจงดงามพร้อมเผชิญหน้ากับโลกใบใหญ่
Sopita Papake
Nong Pare, Sopita Papake, was born with left incomplete cleft lip with alveolar cleft with complete cleft palate in Mahasakham Hospital. She was the youngest member of her family, having one older brother and one older sister. Her family never could have imagined that their new baby girl was born with cleft. The family was completely unprepared for the news that awaited them on the day of her birth. Her mom was very sad and couldn’t handle with this. However, Nong Pare’s father and her loving aunt rallied around her mother, consoling her and reassuring her that they would face this challenge together as a family.
The doctor of Mahasarakham Hospital recommended that Nong Pare be taken to Tawanchai Center at Srinagarind Hospital, a facility dedicated to providing specialized care and treatment for cleft patients. Nong Pare’s mother said that we have met the nurse coordinator at the center, who would guide them on how to care for their child and prepare her for the necessary surgeries. Nong Pare began her path to healing and transformation. She underwent comprehensive treatment, starting with palatoplasty and cheiloplasty surgeries to repair her cleft lip and palate. After that she received speech, helping her learn to communicate effectively despite her condition. Orthodontic care was the next step in her journey, ensuring that her oral health and facial structure developed properly.
As Nong Pare entered primary school, she faced challenges that her classmates bullied her because of her condition, and she struggled with self-confidence at that time. As the years passed, Nong Pare grew into a confident and resilient young woman who understood that her cleft condition was just one part of her story, and it didn’t define her worth or potential. Her journey was a testament to the power of love, support, and determination, and it inspired those around her to see beyond appearances and appreciate the beauty within. Her mom said that Nong Pare possessed a heart filled with incredible strength. Despite facing multiple surgeries and the emotional challenges that came with her, she never lost her spirit.
Nong Pare is in the final stage of treatment which is dental orthodontic care. She is currently a second-year student in the Faculty of Public Health, Mahasarakham University. Nong Pare pursued her dreams with determination and passion, showing the world that her condition was no barrier to her potential.
Tawanchai Center and Smile Train had been support in Nong Pare’s life, providing comprehensive care and guidance from her infancy to her journey into young adulthood. Their dedication had played a crucial role in her transformation into a confident and beautiful young woman, ready to take on the world.